โดย สพ.ญ. ภาวิณี เจริญยงอยู่
คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
Introduction
ปัญหาระบบโครงสร้างร่างกายสำหรับสัตว์ตระกูลนกที่เข้ามาที่ที่คลีนิคหรือโรงพยาบาล ส่วนมากจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับการได้รับอุบัติเหตุ เช่น การกระตุกจากโซ่ที่ล่ามไว้ โดนใบพัดลม บินชนกระจก หรือแม้กระทั่งการจัดการที่ผิดพลาดในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การให้อาหารที่ไม่ตรงต่อความต้องการ ตัวอย่างเช่นนกบางชนิดเป็นสัตว์ล่าเหยื่อ ถ้านำมาเลี้ยงโดยให้กินแต่เนื้อสัตว์ จะทำให้เกิดการสร้างของกระดูกที่ผิดปกติได้ เพราะในธรรมชาติสัตว์จะได้แคลเซี่ยมจากระดูกของสัตว์ที่เป็นเหยื่อ การจัดการสิ่งแวดล้อมไม่เหมาะสม และอีกหลายๆสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาในสัตว์ตระกูลนกได้ การให้การรักษาที่ดีที่สุดคือการกำจัดสาเหตุของการเกิดความผิดปกติดังกล่าว การให้คำแนะนำที่ดีเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำๆ แต่กระบวนการทั้งหมดนี้จะเกิดได้อย่างสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อเราทราบลักษณะการเลี้ยงจากเจ้าของ ดังนั้นการซักประวัติจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรับเคสสัตว์เลี้ยงพิเศษชนิดต่างๆรวมทั้งนกด้วย
Anatomy and Physiology(ขออภัยข้อขัดข้องทางเทคนิค วันพรุ่งนี้จะนำรูปมาเพิ่มเติม หมอกานต์)
รูปที่ 1: ภาพแสดงโครงสร้างทางกายวิภาคของกระดูกในสัตว์ตระกูลนก
นกมีหลายชนิดทั้งที่บินได้และบินไม่ได้ สำหรับนกที่บินได้จะมีวิวัฒนาการของการสร้างของกระดูกให้มีน้ำหนักเบาเพื่อเหมาะสมสำหรับการปรับตัวเพื่อการดำรงชีวิต กระดูกเชิงกราน(pelvic girdle), กระดูกซี่โครงบางชิ้น (rib), กระดูกต้นแขน (humerus) และกระดูกต้นขา (femur) เป็นกระดูกที่มีโพรงอากาศอยู่ด้านใน (pneumatic bone) กระดูกนกจะมีผนังชั้นนอกสุด(cortex) บางแต่มีการสะสมของแคลเซี่ยมมากกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม การรักษาปัญหากระดูกหักในนกขึ้นกับหลายปัจจัย การหายแบบ primary bone healing มักเกิดขึ้นกับเคสที่การหักไม่ซับซ้อนและสามารถลดการเคลื่อนที่ของตำแหน่งที่หักได้มากที่สุด แต่ทั้งนี้โดยส่วนมาก เกือบจะทั้งหมดสำหรับนกที่มีปัญหาเรื่องกระดูกหักจะเป็นการหายแบบ secondary หรือ callus healing เนื่องจากจะมีช่องว่างระหว่างกระดูกมาก หรือมีการเคลื่อนที่เพียงเล็กน้อยระหว่างกระดูกบริเวณที่หัก ดังนั้นการสร้าง endosteal callus ในนกจะใช้เวลาน้อยกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม กล่าวคือ bone healing ในนกจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ (ในกรณีที่ไม่มีปัญหาอื่นๆแทรกซ้อนเช่น เกิดการติดเชื้อของกระดูก) แต่การหายแบบ non-union สามารถเกิดขึ้นได้ โดยการรักษาคือการทำ graft ในนกมีการสร้าง endosteal callous ก่อนการสร้าง external callous ทำให้การแปรผลจากภาพรังสีจึงแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
การสังเกตอาการระยะไกล
เป็นหนึ่งในขั้นตอนการตรวจสัตว์ป่วยที่เราสามารถทำได้ก่อนที่จะสัมผัสตัวสัตว์ ทั้งนี้ยังเป็นการลดระยะเวลาการจับบังคับ ซึ่งจะทำให้สัตว์ป่วยเครียดได้ ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาบริเวณปีกจะแสดงอาการผิดปกติคือ ถ้ารอยโรคอยู่บริเวณกระดูกด้านบนเช่น Humerus จะสังเกตได้ว่าปลายปีกจะยกขึ้น แต่ถ้ารอยโรคอยู่บริเวณกระดูกด้านล่าง
คือ Radius and Ulna ปลายปีกจะห้อยต่ำลง
Method of fracture repair
การเลือกวิธีการรักษาขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น
- หน้าที่ของนก เช่นมีหน้าที่เป็นนกเลี้ยง พ่อแม่พันธุ์ หรือเป็นนกป่าที่อาศัยในธรรมชาติ ข้อควรระวังในการรักษากระดูกบริเวณปีกนก เพราะจะทำให้เสียหน้าที่เนื่องจากเป็นอวัยวะที่มีหน้าที่....ตอนผสมพันธุ์
- ลักษณะและชนิดของความเสียหายที่เกิดขึ้น
- ตำแหน่งของความเสียหายที่เกิดขึ้น
- อายุและน้ำหนักของนก
Radiology for diagnosis
การวินิจฉัยความผิดปกติที่เกิดขึ้นอาจจำเป็นต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น การซักประวัติ การสังเกตอาการระยะไกล (สำคัญในนกเพราะตรวจวินิจฉัยทำได้ไม่มาก และเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากการจับบังคับ) การตรวจร่างกาย ฯลฯ การวินิจฉัยด้วยภาพรังสี เป็นอีกวิธีการวินิจฉัยหนึ่งที่จำเป็นสำหรับสัตว์ป่วยที่มีปัญหาเรื่องกระดูก สำหรับหลักการของการถ่ายภาพรังสีในนกจะคล้ายกับสัตว์อื่นๆ ในกรณีที่นกมีขนาดเล็กไม่ต้องการการทะลุทะลวงที่สูงมาก ดังนั้นควรลด kVp ให้ต่ำลง แต่ปรับ mA ให้สูงขึ้น และใช้เวลาให้น้อยที่สุด การประยุกย์ใช้เทปที่มีความเหนียวปานกลาง แทนการใช้มือจับโดยตรง (ดังรูปที่ 2) เป็นวิธีการที่นิยมสำหรับการถ่ายภาพรังสีในนกสำหรับนกขนาดเล็ก
รูปที่ 2 : การจัดท่าสำหรับนกเพื่อการถ่ายภาพรังสี a). ventrodorsal view b).lateral view
Fracture repair technique
กระดูก Humerus
การหักส่วนมากจะเป็นแบบ spiral, unstable และโดยมากจะมีแผลเปิดร่วมด้วย การแก้ไขที่สามารถทำได้คือ
- figure-of-eight bandage (ดูรูปที่ 2) เป้นการพันปีกเพื่อลดการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด
- การใส่เหล็ก (IM pin) ร่วมกับ การพันปีกแบบ figure-of-eight
- Type I ESF
- Type I ESF ร่วมกับ IM pin
รูปที่ 2 : การพันปีกด้วยวิธี figure-of-eight bandage
กระดูก Radius/ Ulna
- figure-of-eight bandage
- การใส่เหล็ก (IM pin) ร่วมกับ การพันปีกแบบ figure-of-eight
- ESF ในกรณีเกิดการหักที่มากกว่า 1 ชิ้น
กระดูก Femur
เนื่องจากกระดูกชิ้นนี้มีกล้ามเนื้อห่อหุ้มมาก และอยู่ในตำแหน่งที่การทำ external coaptation มักไม่ค่อยได้ผล ดังนั้นวิธีการที่แนะนำคือ
- ในนกที่มีขนาดเล็ก ให้จำกัดบริเวณเพื่อลดการเคลื่อนที่และการขยับของกระดูก
- ในนกขนาดใหญ่ใช้วิธี IM pin ร่วมกับ ESF half pin
กระดูก Tibiotarsus
- sandwich tape spint (ดูรูปที่ 3) เป็นวิธีการที่ทำง่ายและใช้ได้ผลดีในนกที่มีขนาดเล็ก
- External coaptation
- IM pin ร่วมกับ External coaptation
กระดูก digits
- snowshoe splint (ดูรูปที่ 4)
รูปที่ 3 : sandwich tape spint วิธีการที่นิยมใช้กับการหักของกระดูก tibiotarsus ในนกขนาดเล็ก
รูปที่ 4 : Snowshoe splint สำหรับการหักที่กระดุกนิ้วเท้าในนก
ในนกมีการสร้าง endosteal callous ก่อนการสร้าง external callous ทำให้การแปรผลจากภาพรังสีแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ส่วนการพยากรณ์โรคทำได้เช่นเดียวกับในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป กล่าวในหลักการคือสามารถประเมิณได้จาก ความเสียหายที่เกิดขึ้น ตำแหน่งของกระดูกที่หัก การไหลเวียนของเลือดและสารอาหารมายังตำแหน่งของกระดูกที่หัก การจัดการเพื่อทำให้บริเวณที่หักมีความคงที่ การจำกัดการเคลื่อนไหว เป็นต้น
นอกจากปัญหาอุบัติเหตุ ที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งแล้ว ปัญหาการได้รับสารอาหาร และแร่ธาตุที่ไม่สมดุลก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สามารถพบความผิดปกติของกระดูกได้ ซึ่งโรคที่พบบ่อยๆ ได้แก่ Metabolic bone disease ซึ่งอาการที่จะแสดงให้เห็นคือสัตว์จะอ่อนแอ, กระดูกบาง, กระดูกหักง่าย(กว่าปกติ) เกิดภาวะไข่ค้าง ตลอดจนสัตว์ อาจจะแสดงอาการชักเกร็งได้ นอกจากนี้ช่วงการให้ไข่ของสัตว์ปีกเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่จะพบว่ามีการดึงแคลเซียมจากกระดูกไปใช้ในการสร้างไข่มาก ทำให้กระดูกเปราะบางได้มากกว่าช่วงเวลาปกติ
ทั้งนี้ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความแข็งแรงของกระดูกได้ แก่ แคลเซียม, ฟอสฟอรัส และวิตามิน ดี ซึ่งวิตามินดีที่เข้าร่างกายจะนำไปเก็บที่ตับเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้จะเก็ยที่ผิวหนัง สมอง ตับอ่อน กระดูก และลำไส้ได้ แต่วิตามินดีจะเสียง่ายเมื่อถูกออกซิเดชัน วิตามิน ดี ละลายในตัวทำละลายไขมันและไม่ละลายในน้ำ โดยอาหารที่มีวิตามิน ดี พบได้ทั้งพืช ผัก ผลไม้ และในเนื้อเยื่อของสัตว์ แต่ดูเหมือนจะเป็นวิตามินชนิดเดียวที่มีอยู่น้อยมากในพืชและผัก ที่พบมากได้แก่น้ำมันตับปลา ไขมัน นม เนย ไข่แดง ปลาทู ปลาที่มีไขมันสูงเช่นปลาแซลมอน ความสำคัญของวิตามิน ดี คือช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ควบคุมปริมาณ แคลเซียมและฟอสฟแรัสในกระแสโลหิตไม่ให้ต่ำลงจนถึงขีดอันตราย ช่วยในการสังเคราะห์ mucopolysaccharide ซึ่งเป็นสารที่จำเป็นในการสร้างคอลลาเจน ร่างกายสัตว์จะรับวิตามินดีได้สองทางคือ การกินซึ่งจะดูดซึมที่ลำไส้ และโดยการที่ผิวหนังได้รับแสงแดดแล้วอุลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์จะไปกระตุ้นคอเลสเตอรอลชนิดที่อยู่ในผิวหนังให้เปลี่ยนเป็นวิตามินดี
Reference
Altman, Clubb, Dorrestein, Quesenberry. Avian Medicine and surgery.
Glenn, Olsen, Susan, Orose. Manual of Avian medicine.
Post Graduation Foundation In Veterinary science of the University of Sydney Distant education of university
of Sydney. Avian medicine, Module 5, orthopedic surgery.